Leh Ladakh (อินเดีย) เป็นพื้นที่ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 3,500 เมตร การเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายจึงจำเป็นอย่างมาก

            ในทุกๆ ทริปที่ผ่านมาจะมีผู้ร่วมทริปป่วยอยู่เป็นประจำ ฉะนั้นสิ่งที่จะขาดไม่ได้คือ ยารักษาโรค ยาที่แนะนำคือไทลินอล, ยาแก้เมารถ, ยาแก้ท้องเสีย, และยาจำพวก Diamox ซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่เดินทางไปพื้นที่สูงๆ ทางเราจะจัดเตรียมไว้ให้ 

ข้อแนะนำ

        การเดินทางเมื่อไปถึงที่ Leh Ladakh ควรจะนอนพักผ่อนและน้ำเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ควรจะดื่มน้ำบ่อยๆ เสื้อผ้าควรจะมีการเตรียมจำพวกเสื้อกันหนาวเล็กน้อยเพราะในตอนกลางคืนจะมีอุณหภูมิที่เย็นกว่าช่วงกลางวัน แว่นกันแดด, ครีมกันแดดและลิปมันจำเป็นอย่างมากเพราะที่นั้นอากาศค่อนข้างแห้งและแดดแรงในเวลากลางวัน 

             ในส่วนเรื่องอาหารการกินทางเราจะจัดเตรียมมาม่า อาหารแห้ง บางส่วนไปให้สมาชิกอยู่แล้ว แต่ใครที่อยากจะนำไปเองเพิ่มเติมอันนี้ก็ตามสะดวกค่า

 

***เดือนกรกฎาคมเป็นช่วงหน้าร้อนของเลห์ ลาดัก อากาศค่อนข้างร้อนในตอนกลางวัน และเย็นสบายในช่วงกลางคืน***

 

'We will take you around the world , open your eyes wide by your own walk'

​

 

>>> รายละเอียดทริป <<< 

Day1 ,13/10/2022 : BKK - DEL - LEH

     20.15 น. : คณะเดินทางพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบิน Thai Aieway ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง จะถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธีร์ เมืองเดลีตามเวลาท้องถิ่น (เวลาที่อินเดียช้ากว่าบ้านเราประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง)

     รอทีมงานพาท่านทำเรื่องผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองที่บริเวณ e-visa (เมื่อลงจากเครื่องแล้ว แนะนำให้รีบเดินเข้าไปด้านในตามคำแนะนำของผู้นำทริป เพื่อต่อแถวเพื่อยื่นวีซ่า ก่อนที่นักท่องเที่ยวท่านอื่นๆทั่วโลกจะไปรอคิวเยอะเกินไป)

 

Day2 ,14/10/2022 : LEH - Shanti stupa 

     รับประทานอาหารเช้า ‘ตามอัธยาศัย’  จากนั้นเวลา 06.45 น. ออกเดินทางจากเดลีสู่สนามบินด้วยสายการบิน AirIndia ไฟลท์ AI445  เพื่อมุ่งตรงสู่เมืองเลห์ ลาดักห์ 

**ทางทีมงานมียาป้องกันโรคแพ้ความสูงให้รับประทานก่อนเดินทางมายังเมืองเลห์**

     เมื่อมาถึงเลห์ พบกับทีมงานไกด์ท้องถิ่น นำท่านเข้าไปพักผ่อนที่โรงแรมเพื่อปรับสภาพอากาศที่เบาบาง (ควรจะนอนพัก) เนื่องจากเลห์อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 3,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล หากอยู่ที่สูงแนะนำให้ดื่มน้ำบ่อยๆ เพราะอากาศค่อนข้างแห้ง ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่ายและจำนวนมาก 

    12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม (มื้อที่ 1) หลังอาหาร พาท่านเข้าที่พักเพื่อนอนหลับพักผ่อนและปรับตัวกับความสูง

    15.00 น. นำท่านเดินทางไปถ่ายภาพที่ เจดีย์สันติภาพ (Shanti Stupa) ชมพระอาทิตย์ตกดินเจดีย์สันติภาพตั้งอยู่บนเขาเป็นจุดที่สามารถมองเห็นวิวเมืองเลห์ในมุมสูงเจดีย์นี้ช่วงค่ำรับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 2) และกลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัย 

​

*ที่พัก Hotel Rafrica หรือเทียบเท่า

 

Day3 ,15/10/2022 : Hemis Gompa - Thiksey Gompa - Shey Palace

     07.00 น.รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 3) ช่วงสายออกเดินทางไปยังวัดเฮมิส (Hemis Gompa) เมื่อสมควรแก่เวลากลับมารับประทานอาหารกลางวัน 12.00 น.รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 4) 

     จากนั้นเดินทางต่อไปยังวัดทิกเซ่ (Thiksey Gompa) เป็นวัดที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขามีภูมิทัศน์ที่สวยงาม วัดนี้ก่อตั้งเมื่อศตวรรษที่ 15 เป็นวัดในนิกายเกลุกปะ หรือ นิกายหมวกเหลือง (นิกายเดียวกับดาไลลามะองค์ปัจจุบัน) ที่วัดยังมีพระศรีอาริยเมตไตรย์ ซึ่งถือเป็นมาสเตอร์พีซฝีมือช่างศิลป์ ใช้เวลาสร้างถึง 2 ปีด้วยกัน 

     เมื่อสมควรแก่เวลาเดินทางต่อไปยัง พระราชวังเชย์ (Shey Palace) เมืองเชเคยเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของลาดัก จากนั้นนำท่านเดินทางกลับ มายังตัวเมืองเลห์นำท่านไปเดินช็อปปิ้งที่ถนนเมนบาร์ซ่า 19.00 น.รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 5) หลังอาหารกลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัย

​

*ที่พัก Hotel Rafrica หรือเทียบเท่า

 

Day4 ,16/10/2022 : Leh Palace - Lamayuru day trip

      07.00 น. พร้อมรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 6) หลังอาหาร นำท่านไปเยี่ยมชมพระราชวังเลห์ (Leh Palace) โบราณสถานบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากจัตุรัสกลางเมืองเลห์สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 เคยเป็นพระตำหนักที่ประทับของราชวงศ์แห่งลาดัก จากนั้นนำท่านไปยังเดินทางสู่อัลชิ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวทิเบตชุมชนเก่าแก่เช่นเดียวกับหมู่บ้านอื่นในลาดักห์ แถวหมู่บ้านอัลชิเป็นเขตที่อุดมไปด้วยน้ำ

     นำท่านเที่ยวชม 'วัดอัลชิ' ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างในปี ค.ศ.1020-1035 ตั้งอยู่หมู่บ้านอัลชิ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เป็นวัดที่ไม่ได้อยู่บนภูเขาเช่นเดียวกับที่อื่นๆ จุดเด่นคือศิลป- กรรมการแกะสลักไม้ทั้งภายในและภายนอกตัวอาคาร มีภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณอันทรงคุณค่า การเข้าชมภาพจิตรกรรมอาจต้องใช้ไฟฉายช่วยในการมองเห็น จากนั้นเดินทางต่อไปยัง 'วัดลามะยูรู' ตั้งอยู่บนยอดเขาหินทราย แวดล้อมไปด้วยดินแดนที่เรียกว่า Moon Land ดูแปลกตา ซึ่งวัดลามะยูรูมีอีกชื่อหนึ่งว่า'ยุงตรุงทาปาลิง กอมป้า' (YungdrungTharpaling Gompa) เป็นวัดนิกายพุทธเก่าแก่และมีขนาดใหญ่ในฝั่งตะวันตกของเมืองเลห์

     เวลา 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 7) ช่วงบ่ายหลังอาหาร ถ่ายภาพที่ MoonLand เดินที่วัดลามายูรู แวะที่วัด Stakna และวัด Matho ระหว่างทางกลับเมืองเลห์ แวะถ่ายภาพตามเหมาะสม รับประทานอาหารเย็น (มื้อ 8) และพักผ่อนตามอัธยาศัย

​

ที่พัก Hotel Rafrica หรือเทียบเท่า

**เตรียมกระเป๋าสำหรับค้าง2คืน**

        

Day5 ,17/10/2022 : เลห์ ถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardung La Pass > Nubra Valley วัดดิสกิต ขี่อูฐที่ฮุนเดอร์

     07.00 น. พร้อมรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 9) หลังอาหารออกเดินทางจากลามะยูรูสู่นูบร้าวัลเล่ย์ ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง โดยวันนี้เราจะเดินทางโดยใช้เส้นทางถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardung La Pass ที่ระดับความสูงราว 5,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล

     ณ.จุดที่สูงที่สุดแห่งนี้เราสามารถมองเห็นแนวเทือกเขาคาราโครัมของปากีสถาน ซึ่งเราจะไม่ให้ลูกทริปอยู่นานนักเพราะอากาศที่เบาบางอาจทำให้เราแพ้ความสูงและไม่สบายได้ 

     12.00 น.รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 10) หลังอาหารเดินทางต่อ 14.00 น.นำท่านเที่ยวชมวัดดิสกิต เป็นวัดที่อยู่บนเขาเห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ก่อนเข้าตัวเมืองนูบร้าวัลเล่ย์ นำท่านไปขี่อูฐที่ทะเลทราย จากนั้นเดินทางเข้าที่พักโรงแรม นูบร้าวัลเล่ย์อากาศไม่หนาวมากนัก ความสูงในระดับประมาณสองพันกว่าเมตร 

     19.00 น.รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 11) หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม 

​

ที่พัก Grand Nubra หรือเทียบเท่า
*นูบร้าวัลเลย์เป็นเมืองเล็กๆ โรงแรมอาจมีไม่มากเมื่อเทียบกับในเมืองเลห์

 

Day6 ,18/10/2022 : Turtuk day trip

     07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 12) จากนั้นเดินทางไปยัง Turtuk เมืองที่อยู่ใกล้พรมแดนระหว่างปากสถานและอินเดีย แวะชมเส้นทางร่องเขาที่สวยงามระหว่างทาง โดยเราจะแวะรับประทานอาหารกลางวันที่หมู่บ้าน (มื้อ 13) 

     แวะถ่ายภาพข้างทางและจุดต่างๆตามเหมาะสม แวะชม หมู่บ้านThang หมู่บ้านสุดท้ายของอินเดียก่อนข้ามพรมแดน จากนั้นพาท่านกลับไปที่โรงแรมเดิมในนูบร้าช่วงบ่าย รับประทานอาหารเย็น (มื้อ 14) และพักผ่อนตามอัธยาศัย

​

ที่พัก Grand Nubra หรือเทียบเท่า

​

Day7 ,19/10/2022 : Shayok Valley > Pangong

     07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 15) หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ทะเลสาปปันกอง ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง การเดินทางในวันนี้เราจะไปในเส้นทาง Shayok vally หุบเขาที่เปิดเฉพาะช่วงฤดูร้อน เนื่้องจากน้ำในแม่น้ำจะแห้ง ทำให้รถสามารถวิ่งผ่านได้

     12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 16) หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบปันกองโดยเดินทางเลียบแม่น้ำ Shayok River 'ทะเลสาบปันกอง' เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่ในระดับความสูงราว 4,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นทะเลสาบที่มีความสวยงามเปลี่ยนสีไปเรื่อยตามสภาพแสง เช่น สีฟ้าอ่อน สีฟ้าเข้ม เมื่อสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ที่พัก

     20.00 น. รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 17) หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัย โดยเราจะไปพักที่พักริมทะเลสาบปันกอง

​

ที่พัก Tso camp หรือ โรงแรมใกล้เคียงที่เทียบเท่า 

 

Day8 ,20/10/2022 : Pangong lake - Leh

     ตื่นแต่เช้าตรู่ รอถ่ายภาพแสงเช้าที่ทะเลสาบปันกองพร้อมทานอาหารเช้าแบบรองท้อง (มื้อ 18) แวะถ่ายภาพระหว่างทางรอบทะเลสาบ และเดินทางกลับโรงแรมเพื่อเช็คเอ้าท์และทานข้าวกลางวัน (มื้อ 19 ซึ่งขากลับในเส้นทางนี้ เราจะผ่านจุดที่สูงที่สุดของถนนสายนี้คือความสูงประมาณ 5,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเรียกจุดนี้ว่า Chang La Pass ซึ่งเป็นถนนที่สูงเป็นอันดับสองของโลก

     เราจะจอดให้ท่านได้ถ่ายรูปสักครู่ แต่ไม่ควรอยู่นานเกินไปเพราะความสูงที่เปลี่ยนแปลงจะทำให้เราไม่สบายได้  ก่อนเดินทางกลับเข้าเมืองเลห์ แวะถ่ายภาพข้างทางตามเหมาะสม กลับเข้าโรงแรมที่พัก รับประทานอาหารเย็น (มื้อ 20) และพักผ่อนตามอัธยาศัย

 

*ที่พัก Hotel Rafrica หรือเทียบเท่า

 

Day9 ,21/10/2022 : LEH > DEL > BKK

     06.00 น. พร้อมรับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 22) 07.00 น. ถ้ามีเวลาทีมงานอาจพาท่านเดินถ่ายรูปในเมืองในตอนเช้า จากนั้นเดินทางสู่สนามบินเลห์เพื่อทำการเช็คอิน โหลดกระเป๋าสัมภาระสู่สนามบินเพื่อกลับเดลีด้วยสายการบิน AirIndia เวลา  11.50 น. และเดินทางถึงสนามบินเดลี เวลา 14.00 น.
     รอต่อเครื่อง 9ชั่วโมง ที่สนามบินนานาชาติอินเดีย และเวลา 23.00 น.เดินทางออกจากสนามบินเดลี ต่อเครื่องและเดินทางกลับกรุงเทพฯด้วย Thai Airway  เวลา 05.25 น. (+1) ถึงสนามบินนานาชาติสวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ 

​

**ลูกทริปสามารถออกจากสนามบินเพื่อเดินทางเที่ยวในเมืองได้ตามอัธยาศัย แต่ไม่แนะนำให้ไปไกลมาก เนื่องจากการจราจรในเดลีค่อนข้างแน่นหนา และควบคุมเวลาได้ค่อนข้างยาก

​

*หมายเหตุ: โปรแกรมสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม และสภาพอากาศ

**สายการบินอาจจะมีการปรับเปลี่ยนเวลาตามฤดูกาล

​

อัตราค่าบริการนี้รวม

- ค่าโรงแรมที่พักระดับสองและสามดาว จำนวน 7 คืน พักห้องละ 2 ท่าน 

- ค่าอาหารทุกมื้อตามที่ระบุ/น้ำดื่มวันละ1ขวด

- ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า (e-visa)ประเทศอินเดีย สำหรับหนังสือเดินทางไทย

- ค่าหัวหน้าทัวร์นำเที่ยว และ ไกด์ท้องถิ่น 

- ค่าประกันภัยวงเงิน 1,000,000 บาท 

- ค่าเข้าสถานที่ต่างๆตามที่ระบุ

- ค่าขี่อูฐที่นูบร้า

 

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม

- ค่าตั๋วเครื่องไป-กลับ กรุงเทพฯ-เดลี-เลห์-เดลี-กรุงเทพฯ

- ค่าภาษีสนามบินทุกแห่ง , ค่าประกันภัยสายการบิน

- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่นค่าโทรศัพท์ ค่าบริการซักรีด เป็นต้น

- ค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ค่ามินิบาร์ ค่าเครื่องดื่มนอกเหนือรายการ

- ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและพนักงานขับรถ, พนักงานบริการ วันละประมาณ 100 รูปี/วัน/ท่าน

- ค่ากิจกรรมต่างๆ ที่นอกเหนือจากโปรแกรมระบุ

​

เมื่อโอนมัดจำแล้วกรุณาส่งหน้า Passport

****พร้อมส่งหลักฐาน 

1. ไฟล์ถ่ายขนาด 2x2 นิ้ว พื้นหลังขาว (ไฟล์ .jpeg)

2. หน้า Passport (ไฟล์ .pdf)

3. ข้อมูลส่วนตัวอื่นๆสำหรับการกรอกวีซ่า โดยทีมงานจะแจ้งให้ทราบ 

ทาง E-mail : Worldwidewalkdoc@gmail.com 

โดยใช้หัวข้อว่า ‘ชื่อ-สกุล (ลูกทริป) ข้อมูลการขอวีซ่าเลห์)

​